ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

ขลัง?....

ขลัง?....
โพสต์ล่าสุด

จำแนกผู้เรียนไสยศาสตร์ในยุคปัจจุบัน

*#จำแนกผู้เรียนไสยศาสตร์ในยุคปัจจุบัน การเรียนไสยศาสตร์ให้สัมฤทธิ์ผลนั้น เป็นเรื่องของการฝึกจิตให้เกิดสมาธิผนวกกับอำนาจของแรงครูและศรัทธาของตัว ผู้เรียนเอง ตามหลักการแล้วเราสามารถจำแนกประเภทของผู้เรียนไสยศาสตร์ ได้สามประเภท ซึ่งจะเกิดสัมฤทธิ์ผลได้สองประเภทตามนี้ 😊😊#ประเภทที่ 1 #เรียกว่าพวกโง่ที่สุด คือมีการศึกษาวิชาไสยศาสตร์น้อย แต่มีศรัทธาสูง มีจิตมั่นในไสยเวท อาจารย์สั่งอะไรก็เชื่อตามนั้น ไม่ลังเลสงสัย สามารถเสกคาถาอาคมให้เกิดผลสำเร็จตามปราถนาได้ แสดงฤทธิ์ได้ จะยกตัวอย่างให้เข้าใจชัดเจนตามนี้ เกี่ยวกับ คำบริกรรมว่า "นะ โม พุท ธา แยะ" มีพระรูปหนึ่งเรียนกรรมฐานจากพระอาจารย์ท่านหนึ่ง โดยให้บริกรรมว่า "นะ โม พุท ธา ยะ" แต่พระรูปนั้น ท่านจำผิดว่า "นะ โม พุท ธา แยะ" เมื่อท่านเข้าไปบำเพ็ญเพียรในป่า ด้วยคาถา “นะ โม พุท ธา แยะ” นี้ ท่านสามารถเนรมิตสิ่งต่างๆ ได้ สามารถแสดงปาฏิหาริย์ได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นคำบริกรรมที่ผิด แต่เพราะความศรัทธาและมั่นใจในตัวคาถาตลอดจนครูบาอาจารย์ จึงทำให้ท่านไม่มีความลังเลสงสัยใดๆ ทั้งสิ้น ทุกอย่างจึงสัมฤทธิ์ผล จนกระทั่งวันหนึ่ง มีค

โลกนี้มีคนล้มเหลวอยู่สองประเภท

โลกนี้มีคนล้มเหลวอยู่สองประเภท ๑.ล้มเหลวเพราะทำไม่ได้ ๒.ล้มเหลวเพราะไม่ได้ทำ ล้มเหลวประเภทแรก ล้มเหลวไม่นานเพราะคนเราเรียนรู้กันจากข้อผิดพลาด ตราบใดที่ไม่หมดความพยายามไปไม่นานก็สำเร็จ ล้มเหลวประเภทที่สอง ล้มเหลวมันไปตลอดชีวิต เพราะมักจะเป็นข้ออ้างว่าทำไม่ได้แล้วก็ไม่ลงมือทำ แล้วชีวิตก็จะติดอยู่กับสิ่งที่ทำไม่ได้มากมาย จนสุดท้ายก็กลายเป็นคนหมดไฟและหมดแรงที่จะทำอะไรๆไปแล้ว..... ถ้าคิดย้อนดู คนเราต้องเรียนรู้ ต้องพยายามหัด ในทุกสิ่งตั้งแต่เกิดมา เรียนรู้วิธีพูด วิธีเดิน วิธีกิน วิธีขับถ่าย มนุษย์ทุกคนล้วนแต่ต้องผ่านการเรียนรู้ขั้นตอนนี้ โตขึ้นมาหน่อยก็เรียนรู้วิธีอ่าน วิธีเขียน ลองคิดย้อนกลับไปเราล้มเหลวกันกี่ครั้งกว่าที่จะทำสิ่งเหล่านี้ได้ ล้มกี่รอบ ตั้งไข่กี่รอบกว่าจะยืนได้ ล้มกี่ครั้ง ร้องไห้กันที่กี ร้องหาคนอุ้มกี่รอบกว่าเราจะเดินได้...... ไม่มีใครที่พิเศษขนาดเกิดมาแล้วทำสิ่งที่ทำในตอนนี้ได้ทันที ไม่มีใครที่สายเกินไปกับคำว่าเรียนรู้ ไม่มีคนล้มเหลว จะมีก็แต่คนล้มเลิกเท่านั้น สิ่งสำคัญคือให้หยุดโทษและอย่าโทษปัจจัยภายนอก อย่าโทษสิ่งอื่น ให้โทษตัวเอง และเริ่มต้นแก้ไขที่ตัวเอง

ใช้สีผึ้ง ใช้น้ำมันและแปลกๆ ไม่คุ้น....

ในปัจจุบันแน่นอนว่าทุกคนต้องใช้เครื่องสำอางค์ เครื่องบำรุงผิว ครีม โลชั่น โรลลอน เจลแต่งผม ฯ เรียกได้ว่าเป็นของจำเป็นที่ขาดไม่ได้ ต่อให้ผู้ชายที่ไม่ชอบใช้เครื่องสำอางค์ทั้งหลาย ก็ต้องมีโรลออนหรือน้ำหอมระงับกลิ่นกายอย่างน้อยซักอย่างนึง การใช้ของเหล่านี้ถือเป็นเรื่องปรกติแต่ทำไมพอพูดถึงการใช้สีผึ้ง น้ำมันหอม บางคนกลับลำบากใจที่จะใช้ หรือรู้สึกแปลกๆที่จะใช้ เชื่อว่ามีคนรุ่นเดียวกับผมจำนวนไม่น้อย เวลาใช้แล้วรู้สึกแปลกๆ เพราะไม่ได้โตมากับพวกนี้  แต่ในสมัยก่อนสีผึ้งและน้ำมันถือเป็นเครื่องใช้ประจำวันที่แทบขาดไม่ได้ คนโบราณไม่มีน้ำหอม ครีมแต่งผม บำรุงผม ก็ใช้สีผึ้งและน้ำมันหอมนี่ล่ะครับ ช่วยในการจัดแต่งผมได้อีกด้วย  ใช้ทาแผลสมานแผลก็สีผึ้ง ทาปากช่วยให้ปากไม่แห้งริมฝีปากไม่แตกยามหน้าหนาวก็สีผึ้ง ครีมทาผิว โลชั่นสมัยก่อนไม่มี คนโบราณก็ใช้สีผึ้งผสมน้ำมันมะพร้าว กวนผสมกันแล้วใช้ทาบำรุงผิวกัน เรียกได้ว่าสีผึ้งและน้ำมันเป็นของใช้ประจำบ้านอยางนึงของทุกๆบ้านมาแต่โบราณ  คนเล่นคาถาเล่นอาคม เขาจึงได้นำสีผึ้งมาเสก มาผสมมวลสารว่านต่างๆ เพื่อให้ได้ทั้งสรรพคุณและอิทธิคุณ มาเสริมในชีวิตประจำว

ผลงานคือสิ่งบอกตัวตนของคนสร้าง.....

พื้นฐานโดยสันดานผมคือ เถื่อน ดิบและห่าม ดังนั้นอย่ามองหาความสวยงามและมาตรฐานอันใด จากงานสร้างของผม การที่คุณพยายามมองหาความสวยงาม รวมไปถึงความลึกล้ำของระดับพลังงาน บอกกันตรงนี้ว่าคุณจะพบแต่ความผิดหวัง เพราะผมไม่ได้มีพลังสมาธิจิตลึกล้ำอะไร สันดานพื้นฐานผมเป็นยังไง ผมก็ใส่ไปในงานผมแบบนั้น เคยพยายามจะฝืนแล้วแต่สุดท้ายก็ค้นพบว่า ผลงานผมออกมาแย่กว่าความพยายาม เพราะความตั้งใจที่ดี บางครั้งก็ออกมาเป็นผลงานที่เลว หากว่ามันฝืนธรรมชาติและความเป็นตัวตนของผม ดูแล้วชอบเห็นแล้วอยากใช้ก็ค่อยมาเสียเงินให้ ยังไม่แน่ใจยังไม่มั่นใจในตัวคนสร้าง ก็ติดตามดูขั้นตอนกันไป เพราะผมลงรายละเอียดข้อมูลต่างๆ ให้ได้ดู ได้เห็นกันทุกขั้นตอนเพื่อความมั่นใจ เพราะยุคนี้คือยุคของข้อมูลข่าวสาร ยุคของผู้บริโภคมีสิทธิ์เลือก เงินของคุณ สิทธิ์ของคุณ อย่าให้ใครมา บอกหรือกำหนดว่าคุณควรจะใช้ยังไงหรือซื้ออะไร ถ้ามองหาเพียงแค่อภินิหารหรือปาฎิหาริย์ต่างๆ บอกได้เลยว่าสำนักนี้คงไม่มี และถึงมีมันก็เป็นเรื่องที่รับรู้ได้ด้วยบุคคล ไม่ใช่ว่าจะเกิดกับทุกคน ผมขายผลงานและความจริง ไม่ขายฝันให้ใครมาหวังลมๆแล้งๆ เสียเงินไปก็ต้องมีประส

เล่นของให้เกิดผล......

บทความแรกขอเกริ่นยาวพอสมควร  เกี่ยวกับเรื่องการเล่นของ วัตถุมงคลเครื่องรางต่างๆ ถ้าเขียนสั้นๆก็แน่นอนว่าหลายๆคนอาจจะยังไม่กระจ่าง ถ้ายาวเกินไป แน่นอนว่าอ่านกันไม่กี่คน ดังนั้นผมจะแบ่งเป็นตอนย่อยๆ ค่อยๆลงรายละเอียดเพื่อให้ได้เข้าใจ และจะได้ใช้กันอย่างถูกวิธี เพราะเครื่องรางของขลัง ไม่ใช่ของวิเศษที่จะเปลี่ยนชีวิตเพียงแค่ได้ครอบครอง  พื้นฐานเริ่มต้นของผม มาจากคนไม่เชื่อในไสยศาสตร์ มาจากคนไม่มีศาสนา ฟังแล้วหลายๆคนคงแปลกใจ เพราะมันช่างตรงข้ามกับสิ่งที่ผมเป็นอยู่เวลานี้โดยสิ้นเชิง ผมผ่านการคิดและวิเคราะห์ จนผมได้ข้อสรุปของหลักการทำงาน การส่งผลของเครื่องรางต่อคนใช้ พิสูจน์จากตัวผมเองบ้าง  จากการสังเกตุหรือสอบถามแลกเปลี่ยนข้อมูลบ้าง  จากคนที่ไม่เชื่อในไสยศาสตร์ จากคนไม่เชื่อศาสนา  มาสู่คนอยากเล่นของ มาเป็นคนเล่นของ และเป็นคนเล่นของไม่ขึ้น มาสู่การกลายเป็นคนเล่นของขึ้น จนปัจจุบันก็กลายเป็นไสยเวทย์รับจ้างใช้วิชาแลกเงินดำรงค์ชีพ อ่านแล้วจะเชื่อก็ดี ไม่เชื่อก็ช่าง เพราะผมคงไม่ไปบังคับหรือขอให้ใครมาเชื่อผม (ชอบให้จ่ายสดมากกว่า) ใครอยากอ่านอะไรยาวๆก็อ่าน ใครไม่ชอบอ่านอะไรยาวๆก็ผ่าน อันไหนเอา

วัตถุเครื่องราง สิ่งที่กำลังแปรสภาพกลายเป็นสินค้า.....

" ในยุคที่สมัยเครื่องรางไม่ต่างจากสินค้า เราต้องหาทางที่จะทำให้ผลงานของเราไม่ใช่แค่สินค้า ของทุกอย่างมีแฟนคลับเป็นของตัวเอง และเราต้องการความเหนียวแน่นและความลึกของผู้ติดตาม มากกว่าการจะพยายามทำให้สินค้ากระจายไปในวงกว้าง " แนวทางการสร้างของ "น้อย" แต่ "มาก" ตามแบบฉบับฮิปสเตอร์ ผมต้องการให้ของแต่ละชิ้น มีคุณค่าทางจิตใจสำหรับผู้ครอบครองมากที่สุด เท่าที่ผมจะทำได้ สำหรับชุดนี้ใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว บอกตรงๆว่าผมตื่นเต้นไม่น้อยกว่าคนที่รอแต่อย่างใด ทุกสิ่งทุกอย่างผมได้กระทำอย่างเต็มที่และสุดความสามารถ สุดเงินทุนที่ผมมี ทั้งคุณและผมเราคงไม่ผิดหวังกับผลงานชุดนี้แน่ๆ ขอให้คำมั่นด้วยเกียรติภูมิและจิตวิญญาณของผู้สร้าง ว่าเราจะหื่นไปด้วยกันจนกว่าจะถึงวันที่เราเสื่อมสมรรถภาพและหมดความต้องการทางเพศ.....ซึ่งมันคงอีกนานแสนนานเลยทีเดียว